10 สัตว์น้ำน่าสะพรึง

1. ฉลามก็อบลิน (Goblin Shark) 

          เป็นฉลามที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 1 กิโลเมตรจากผิวน้ำ มันถูกขนานนามว่าเป็น "ฟอสซิลมีชีวิต" เนื่องจากนักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่าฉลามสายพันธุ์นี้ดำรงพันธุ์มายาวนานมาก ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปีก่อนเลยทีเดียว ปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีข่าวการพบฉลามชนิดนี้ขึ้นมาตายเกยตื้นอยู่บ่อย ๆ และทุกครั้งที่มีการพบเห็น ก็มักจะเป็นข่าวในสื่อต่างประเทศเสมอ


2. ปลาปีศาจดำ (Black Seadevil)

          เจ้าปลาสายพันธุ์นี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Angler Fish แต่ถึงกระนั้นมันกลับถูกขนานนามว่าเป็นปลาปีศาจดำ ทำไมน่ะหรือ ก็ดูรูปลักษณ์ของมันสิ น่ากลัวราวปีศาจซะขนาดนี้ ไหนจะมีฟันแหลมคม ใบหน้าดุร้ายด้วยอีก นอกจากนี้ มันยังเป็นปลานักล่อเหยื่อเสียด้วย โดยบนหัวของมันมีอวัยวะที่มีลักษณะเป็นแท่งยาว ๆ เปล่งแสงได้ เอาไว้ล่อเหยื่อมาติดกับโดยเฉพาะ 

          ปลาปีศาจดำ อาศัยอยู่ในทะเลลึกราว 500 เมตร และแม้ว่าเราจะเห็นปลาตัวนี้ชัดจนจินตนาการว่ามันมีขนาดใหญ่ แต่จริง ๆ แล้ว เจ้าปลาตัวที่เห็นอยู่นี้มีขนาดความยาวลำตัวแค่ 3.5 นิ้วเท่านั้น ส่วนรายละเอียดของปลาสายพันธุ์นี้นักวิจัยยังไม่สามารถศึกษาได้มากเท่าไร แต่นักวิจัยเผยว่าปลาปีศาจดำตัวผู้จะมีอายุสั้นกว่าตัวเมียและตัวเล็กกว่า ตัวผู้จึงทำตัวเป็น "ชาวเกาะ" ที่เกาะตัวเมียอย่างกับเป็นปรสิต ถ้าไม่มีตัวเมียให้เกาะแล้ว มันถึงขั้นจมน้ำเลยทีเดียว

3. ปลามังกรดำ (Black Dragonfish) 

          ปลาสายพันธุ์นี้เป็นปลาที่มีลำตัวยาวราวกับงู มีความยาวได้มากที่สุดเพียง 40 เซนติเมตร แน่นอน เรากำลังจะบอกว่ามันเป็นปลาหน้าตาน่ากลัวแต่มีขนาดเล็ก และเป็นปลาน้ำลึกที่เรืองแสงได้ นอกจากนี้ ปลาสายพันธุ์นี้ยังมีความแตกต่างระหว่างตัวผู้กับตัวเมียแบบต่างมาก ๆ ด้วย นั่นคือ ในขณะที่ตัวเมียยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร มีฟันแหลมคมน่ากลัว และอาศัยอยู่ในน้ำลึก 500-800 เมตร ตัวผู้อาจจะมีความยาวน้อยกว่ามาก ไม่มีฟันแหลมคม และอาศัยอยู่ลึกกว่าที่ 1,000-2,000 เมตรเลยทีเดียว

4. ฉลามครุย (Frilled Shark) 

          เป็นฉลามดึกดำบรรพ์ที่มีอายุถึง 80 ล้านปี อาศัยในเขตน้ำลึกประมาณ 1,500 เมตร มันมีลักษณะคล้ายปลาไหลไฟฟ้า มีฟันเล็ก ๆ กว่า 300 ซี่ เรียงกันเป็นแถว 25 แถว ทำให้เวลามันอ้าปากดูน่าสะพรึง ราวกับหลุดออกมาจากหนังปีศาจ ปัจจุบันฉลามชนิดนี้ยังคงพบเห็นอยู่ทั่วไปบริเวณชายฝั่งใกล้กับเขตน้ำลึก 

                
5. ปลาสตาเกซเซอร์ (Stargazer fish) หรือปลาดูดาว 

          เป็นปลาน้ำลึกที่มีดวงตาปูดโปนออกมาทั้งลูกกะตา ชอบฝังตัวเองอยู่ในผืนทรายใต้ทะเล อำพรางตัวเองซะเนียนเพื่อรอดักเหยื่อ เวลาที่ปลาตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่ายผ่านมา และอยู่ในองศาที่พอดิบพอดี มันก็จะอ้าปากงับเหยื่อ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นเทคนิคการดักเหยื่อที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากเลย

               
6. ปลาฟันเขี้ยว (Fangtooth fish) 

          เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกมาก คือลึกราว 5,000 เมตรใต้ทะเล ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความดันมากกว่าบนบกถึง 500 เท่า ซึ่งนั่นเป็นสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะทำให้มนุษย์ไส้ทะลักได้เลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเหมือนว่าปลาฟันเขี้ยวตัวนี้จะน่ากลัวตัวใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นปลาตัวเล็กที่มีความยาวลำตัวประมาณ 15 เซนติเมตรเท่านั้นเอง แต่ขนาดเขี้ยวเมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของมันนั้น ถือว่าใหญ่มาก ๆ

7. ฉลามผี (Chimaera) 

          แม้จะถูกเรียกว่าฉลามผี แต่จริง ๆ แล้วสิ่งมีชีวิตชนิดนี้คือ "ปลา" น้ำลึกที่อาศัยอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลราว 200-300 เมตรเท่านั้น และที่มันถูกเรียกว่า ฉลามผี แบบนี้นั้น ก็เพราะมันมีอวัยวะคล้ายงวงยื่นยาวออกมา ดูค่อนข้างพิลึก และมีลูกตาที่ใหญ่ 

          อย่างไรก็ตามดูบางมุมแล้วเจ้าฉลามผีตัวนี้ก็น่ารักน่าชังอยู่ไม่น้อย มันเหมือนลูกผสมระหว่างสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ มีหางเหมือนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีปีกเหมือนนก มีเขา และมีงวงเหมือนช้างด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้มันถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มหนึ่งในสัตว์ที่หน้าตาแปลกประหลาดที่สุดในโลก

8. ปลา Sarcastic fringehead 

          เป็นปลาขนาดเล็กแต่ดุร้ายมาก ๆ มันมีปากที่กว้างใหญ่น่ากลัว และมีพฤติกรรมที่ดุดัน อาศัยอยู่ในท้องทะเลที่ความลึกไม่มากนัก แค่ประมาณ 3-73 เมตรเท่านั้น พบมากในมหาสมุทรแปซิฟิก

          สำหรับขนาดตัวของเจ้าปลาประหลาดจอมดุดันตัวนี้ จะมีความยาวอยู่ที่ 30 เซนติเมตรโดยเฉลี่ย อาหารของมันก็คือกุ้ง หอย ปู ปลา ที่มีขนาดเล็กกว่าปากของมัน ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถเทียบไซส์ได้แบบง่ายดายด้วยการเปิดปากอันกว้างขวางของมันออกแล้วงาบ 

          นอกจาก Sarcastic fringehead จะหน้าตาดูโหดร้ายแบบนี้แล้ว เวลาที่พวกมันต่อสู้กันเองยิ่งจะน่ากลัวกว่า เพราะต่างฝ่ายต่างก็อ้าปากเข้าใส่กัน ราวกับเป็นการอ้าปากวัดพลังยังไงยังงั้นแน่ะ

9. หมึกแวมไพร์ (Vampire squid) 

          แม้จะดูรูปร่างภายนอกจะไม่ได้น่าหวาดกลัว ไม่ได้ต่างอะไรกับหมึกทั่ว ๆ ไปเท่าไรนัก แต่หากใครได้เห็นภายในหนวดของมันแล้วละก็ คงได้ร้องอ้อว่าทำไมมันถึงกลายเป็นสัตว์น้ำน่ากลัวได้ นั่นเพราะเจ้าหมึกสายพันธุ์นี้มันมีหนามแหลม ๆ เรียงรายกันอยู่ในนั้น แถมยังมีดวงตาสีแดงก่ำ ซึ่งนั่นแหละที่เป็นที่มาของชื่อหมึกแวมไพร์

          หมึกแวมไพร์อาศัยอยู่ในทะเลลึกตั้งแต่ 500-3,000 เมตร มีขนาดตัวเล็กไม่เกิน 30 เซนติเมตร เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูจะพลิกหนวดด้านในที่มีหนามออกมา เพื่อขู่ให้กลัว นอกจากนี้มันยังมีกลไกร่างกายที่เรืองแสงได้ด้วย 


10. ปลาขวาน (The Hatchetfish) 

          ชื่อเรียกนี้ถูกตั้งขึ้นตามลักษณะลำตัวของมันที่แสนจะสลิมไซส์บางเฉียบอย่างกับใบมีดขวานอย่างไรอย่างนั้น ส่วนหน้าตาของมันก็นับว่าเป็นปลาไม่รับแขก เพราะตูบึ้งตึงถลึงตาอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าแฮทเช็ตฟิชก็มีความสามารถพิเศษที่เรืองแสงออกจากตัวได้ อันเป็นวิธีที่มันใช้ในการหลบหลีกจากศัตรูที่แอบซ่อนตัวจ้องจะกินมันเป็นอาหาร 

          หากว่าคุณอยากจะพบมันแบบตัวเป็น ๆ ละก็ เตรียมชุดดำน้ำพร้อมถังออกซิเจนให้พร้อม แล้วมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย หรือแอตแลนติกได้เลย พวกมันแหวกว่ายรอคุณอยู่ที่ความลึกระดับกว่า 50 เมตร

DIGITAL ECONOMY

พลิกพลังสร้างสรรค์ สู่เศรษฐกิจดิจิทัล DIGITAL ECONOMY

การสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นที่ไปรษณีย์กลางบางรัก ส่วนนี้จะเป็นภาพตึกด้านนอก

เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องทำการลงทะเทียน ซึ่งจะแบ่งแป็นหมวดหมู่ จุดลงทะเบียน




เมื่อเสร็จจากการลงทะเบียนแล้วก็จะมีบริการ ระหว่างรอเข้าสัมมนา มีอาหารว่างให้รับประทาน

ระหว่างรอเวลาเปิดงาน

พิธีกร กล่าวต้อนรับ

ดร.คณิศแสงสุพรรณ ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวรายงาน

รองนายกรัฐมนตรี ประธานกล่าวเปิดงานสัมมนา

ดร.พรชัย รุจิประภา ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง สร้างเศรษฐกิจไทย ก้าวไกลด้วยดิจิทัล

และ ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง คิดสร้างสรรค์บนพลังดิจิทัล

รวมตัวถ่ายภาพ

หลังจากนั้นก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

เสร็จจากการรับประทานอาหาร เมื่อถึงเวลาก็เข้าห้องฟังสัมมนากันต่อ

วิทยากร คือ คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท Ookbee จำกัด และ คุณจอมทรัพย์ สิทธิพิทยา CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท Exzy จำกัด

 คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ เริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อตั้ง Ookbee ว่ามีที่มาจากการที่ได้ลองสัมผัสกับ iPad เวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2010 และคิดว่า ebook น่าจะเป็นธุกิจที่เหมาะกับอุปกรณ์ประเภทนี้ประกอบกับในช่วงนั้นตนเองก็มีบริษัทที่รับพัฒนา application อยู่แล้วจึงเริ่มลงมือ code เอง ในขณะเดียวกันก็เริ่มติดต่อกับสำนักพิมพ์ต่างๆในการที่จะนำหนังสือมาขายบน Ookbee คุณหมูได้เล่าว่าปัจจุบัน Ookbee ได้กลายมาเป็น #1 e-book store ในประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 88% มีผู้ใช้กว่า 2.5 ล้านคน และมีจำนวนเพิมขึ้นกว่าวันละ 3 พันคน มีหนังสือถูกดาวน์โหลดผ่าน Ookbee แล้วกว่า 6 ล้านเล่ม และล่าสุดบริษัท Intouch (Shin Corp.) ได้เข้าร่วมลงทุนกับ Ookbee ด้วยเงินกว่า 60 ล้านบาทสำหรับแนวทางของ Ookbee ใน Asean นั้น คุณหมูเล่าว่าในขณะนี้ก็ได้เข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยเริ่มจากเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งในเวียดนามมีผู้ใช้กว่าหนึ่งแสนคนแล้วโดยใช้เวลาเพียง 9 เดือน 

ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ได้ให้ความรู้มากขึ้นและมีวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีการสื่อสารที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น 

Black canyon

Black canyon

ถ้าอยากกินกาแฟสด ต้องนึกถึงร้านนี้เลยค่ะ แบล็คแคนยอน (Black Canyon Coffee) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความหลายหลาย ที่ชอบกินกาแฟร้านนี้ เพราะที่ร้านมีเมนูอาหารอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เป็นแค่ร้านขายกาแฟอย่างเดียวค่ะ ปกติจะเห็นพวกร้านกาแฟสด จะขายเฉพาะกาแฟกับขนมหวาน เท่านั้น แต่ที่นี่เหมือนร้านอาหารใหญ่ๆ เลยค่ะ ที่มีอาหารจานหลัก อาหารว่าง เครื่องดื่มหลายหลายชนิด น้ำผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงพวกขนมหวาน เค้กต่างๆ ให้เลือกทานด้วยค่ะ เข้าไปที่ร้านไม่จำเป็นต้องสั่งกาแฟ ก็มีเมนูอื่นๆ ให้เลือกทาน เป็นทางเลือกให้เราด้วยละค่ะ

 

ระหว่างรอพนักงานเดินมารับออเดอร์

 

 

เครื่องดื่มที่สั่งมาวันนี้ก็คือ เป็นชาเขียวเฟรปเป้

รสชาติกลมกล่อมมาตราฐานชาเขียวปั่นทั่วไป อร่อยดีค่ะ วิปครีมไม่หวาน นุ่มลิ้นดี

 

และก็ กาแฟเย็นแบล็คแคนยอน

เมนูอาหารที่สั่งมาก็คือ ผัดไทยกุ้งสด กับ ชุดข้าวปลาทอดกับต้มยำกุ้ง

 

 

โดยรวมแล้วถือว่าโอเค รสชาติอร่อย ราคาพอประมาณ ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจก็ลองไปรับประทานกันดูนะค่ะ

After You

After You

เดินผ่านร้านขนมหวานอย่าง After You เห็นคนต่อคิวรอทานกันยาวเหยียด เลยนึกอยากลองทานบ้าง

(ยังไม่เคยทานเลย เคยได้ยินแต่คนพูดถึงกัน) พอได้ทานก็เลยเอามารีวิวให้ชมกันค่ะ

เผื่อว่าใครจะยังไม่เคยลองไปชิมค่ะ

อยากบอกว่า ชอบการออกแบบต่างๆของที่ร้านนี้ค่ะ น่ารักดีค่ะ

ระหว่างที่รอก็มาดูเมนูกันก่อนค่ะ แต่ละเมนูน่าทานมว๊ากกกๆๆๆ เลยล่ะค่ะ เลือกแทบไม่ถูกเลยทีเดียว

หลังจากสั่งออเดอร์ไปแล้วก็จะมีพนักงานมาเสิร์ฟ มีด , ช้อน , ส้อม และที่ขาดไม่ได้ก็คือ “น้ำผึ้ง” อร่อย หอม

เมนูแรก ก็คือออออออ….. Shibuya Honey Toast ค่ะ อร่อยมากอ่ะ คอนเฟิม
ได้ยินได้ฟังใครต่อใครบอกมาหลายทีแระ
พอได้มาลองชิมก็อร่อยแท้เหลา จะเป็นขนมปังก้อนสี่เหลี่ยมอบกับเนยหอมๆ นุ่มนิ่มมาก
มาพร้อมไอศครีมวนิลา 2 ลูก สตอเบอร์รี่และก็วิปครีมค่ะ

เมนูสุดท้าย ปิดท้ายกันที่ Chocolate mud brownie

บราวนี่อบมาร้อน ๆ ชุ่มซอสช็อคโกแลต เค้กบราวนี่เค้าเข้มข้นถึงใจจริง ๆ
สำหรับคนรักช็อคโกแลตอย่างบี ตักเข้าปากคำแรกก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
บอกตัวเองได้เลยว่าฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้... ยิ่งทานคู่กับไอศครีม และวิปครีมสด
ร้อน ๆ เย็น ๆ หวาน ๆ มัน ๆ รสชาติเข้มข้นในปากมันเกินบรรยายจริง ๆ

ที่นี่ถือว่าของหวานเท่าที่สั่งมาอร่อยทั้งหมดค่ะ ถ้ามีโอกาสคงไปทานอีก
วันนี้ขอจบรีวิวไว้เท่านี้นะค่ะ ไว้ไปทานอะไรที่ไหนจะเอามีรีวิวใหม่นะค่ะ

Snowfall House

Snowfall House

เป็นร้านไสตล์เกาหลี น่ารักๆ ในร้านจะมีโซนหิมะตก เหมาะสำหรับมุมถ่ายรูป

เมนูภายในร้าน




พอสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์เสร็จแล้ว จ่ายเงินจะได้รับเครื่องเรียกรับอาหารด้วยค่ะ ทำให้รู้สึกเหมือนตอนไปเที่ยวเกาหลีจริงๆ เลย 

เมนู Green Tea Bingsu เป็นน้ำแข็งใสชาเขียมหอมหวานกำลังดี มีท้อปปิ้งเป็นไอศครีมชาเขียวเนื้อละเอียดเนียนสุดๆ และถั่วแดงกวนหวานพอดีพอดี เข้ากันกับชาเขียวมากๆ ที่สำคัญอร่อยและชามใหญ่มากกกกกกกก

เมนูต่อไป Mango yogurt bingsoo เป็นน้ำแข็งใสเกาหลีเนื้อละเอียดเหมือนหิมะ มีท้อปปิ้งเป็นชีสเค้ก,วิปครีมและม่วงม่วงน้ำดอกไม้ อยากจะบอกว่าสุดยอดมากชามนี้ได้มะม่วงมาเต็มๆ ลูกนึงเลย

เพื่อนๆคนไหนสนใจก็สามารถมาได้ที่ สยามจะเห็นอาคารสยามแสควร์วัน ขึ้นลิฟท์ด้านหลังน้องแมวตัวใหญ่ กดไปชั้น 4 พอออกลิฟท์ให้เดินวนขวานะคะ ส่วนใครมาจาก BTS ให้ลงสถานีสยามจะมีทางเชื่อมจากสถานีเข้าห้าง เมื่อเข้ามาจะพบบันไดเลื่อนยาวๆ พามาที่ชั้น 4 ชึ้นมาถึงจะพบร้าน Snowfall อยู่ขวามือค่ะ